9 ก.ย. 2556

บัญญัติ 10 ประการในการลงทุนทองคำ



บัญญัติ 10 ประการในการลงทุนทองคำ

1. เราชอบลงทุนสไตล์ไหน ก่อนอื่นเราต้องรู้แนวตัวเองก่อนว่า เราเป็นนักลงทุนสไตล์ไหน คือเป็นนักลงทุนระยะยาว หรือนักลงทุนระยะสั้นแบบซื้อมาขายไปเพื่อกำไรระยะสั้น เพราะสไตล์จะเป็นตัวกำหนดปัจจัยต่อเนื่องหลายๆ อย่าง เช่น จะลงทุนเท่าไรดี จะลงทุนเองหรือลงทุนผ่านวิธีอื่นๆ เป็นต้น

2. เลือกเครื่องมือการลงทุนให้เหมาะสม การลงทุนในทองคำทำได้หลักๆ 3 รูปแบบคือ (1) ลงทุนเองทางตรงโดยการซื้อทองคำจากร้านขายทองไม่ว่าจะถือเงินไปซื้อที่ร้าน หรือซื้อผ่านอินเตอร์เน็ต (2) ลงทุนผ่านกองทุนรวมที่ลงทุนในทองคำ เช่น K-Gold ของกสิกรไทย หรือ TMB-Gold ของ TMB (3) ลงทุนในสัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้า (Gold Futures) ในตลาดประเทศไทยผ่านตลาด TFEX (Thailand Futures Exchange)

3. อย่าลืมกระจายความเสี่ยง ลงทุนในหลายๆส่วนไปพร้อมกัน เช่น ทองคำแท่ง 20% กองทุน 20% หุ้น 20% พันธบัตร 30% ฝากธนาคาร 10% เป็นต้น

4. ศึกษา และลงทุนด้วยเงินน้อยๆ ก่อน ก่อนเริ่มลงทุน ควรศึกษาและทำความเข้าใจกับความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับทองคำให้ดีก่อน เพื่อฝึกทักษะความเข้าใจ และเก็บสะสมประสบการณ์ก่อนที่จะกระโจนลงเต็มตัว หรือเริ่มลงทุนในจำนวนที่สูง

5. ลงทุนอย่างมีวินัย ข้อนี้จะสำคัญมากสำหรับนักลงทุนประเภทระยะสั้นทำกำไร คือเราต้องมีวินัย และมีระดับตัวเลขความเสี่ยงที่ยอมรับได้ไว้ในใจเหมือนกัน

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ เช็คราคาทองคำวันนี้เพื่อเป็นประโยชน์ในการลงทุนทอง

5 ก.ย. 2556

โบรกแนะเลือกซื้อ 10 บจ.กระแสแรง



เช้านี้ ณ เวลา 10.01 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 32.16 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียมีทั้งปรับตัวอยู่ในแดนบวกและลบ ขณะที่หุ้นไทยล่าสุดบวก 7.05 จุด นักวิเคราะห์มองหุ้นไทยวันนี้ยังคงผันผวน มีหลายปัจจัยยังกดดัน เน้นหุ้น cyclical หรือส่งออกที่ laggard ได้แก่ TUF IRPC ESSO SCC SRICHA TTA IVL KCE / และ 10 หุ้นเด่น ได้แก่ BANPU, MODERN, TTA, JAS, PSL, SAMART, HEMRAJ,SCC,PTTEP,PTT

อ่านข้อมูลต่อได้ที่ http://www.kaohoon.com/online/70673/โบรกแนะเลือกซื้อ-10-บจ.กระแสแรง-ดัชนีแกว่งตัว-เปิด-8-หุ้นวัฎจักร-ส่งออกที่ยัง-laggard.htm

เรื่องควรรู้เกี่ยวกับหมวกกันน็อค



ประเทศไทยมีรถมอเตอร์ไซค์มากเป็นอันดับที่ 8 ของโลก โดยสัดส่วนการถือครองจักรยานยนต์สูงถึง 4 คนต่อคัน เพราะราคาไม่แพง และมีความคล่องตัวในการใช้การขับขี่จักรยานให้ปลอดภัยเราควรที่จะสวมหมวกกันน็อคเพื่อป้องกันศรีษะเมื่อเกิดอุบัติเหตุวันนี้มาดูบทความที่พูดถึงเรื่องหมวกกันน็อคกันดีกว่าครับว่าสำคัญต่อชีวิตเราอย่างไรและมีองค์ประกอบอะไรบ้างสำหรับหมวกกันน็อค อุปกรณ์ที่สำคัญสำหรับชาวสองล้อทุกท่าน

ข้อเท็จจริงจากผลการศึกษาผู้บาดเจ็บจากการใช้รถจักรยานยนต์ในประเทศไทย และต่างประเทศยืนยันชัดเจนตรงกัน การสวมหมวกนิรภัยสามารถช่วยได้ คือ 

  • ช่วยลดความเสี่ยง และความรุนแรงของการบาดเจ็บที่ศีรษะลงได้ 72% 
  • ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตได้ถึง 39% ในกรณีที่ใช้ความเร็วไม่สูงมากนักขณะเกิดอุบัติเหตุ 
  • ลดค่ารักษาพยาบาล และลดจำนวนวันที่ต้องพักรักษาตัวในโรงพยาบาล
องค์ประกอบของหมวกกันน็อค
เปลือกนอก - ทำจากวัสดุชนิดพิเศษ จะต้องแข็งแรง น้ำหนักเบา เพื่อสามารถทนแรงกระแทกจากของแข็ง และของมีคมได้โดยไม่แตก หรือทะลุได้ง่าย 

รองใน - เป็นชั้นบุที่ทำมาจากวัสดุที่ถูกพัฒนาขึ้นมาเป็นพิเศษ มีคุณสมบัติอ่อนนุ่ม ยืดหยุ่น ความหนาแน่นสูง สามารถรับและกระจายแรงกระแทกได้ดี ส่วนใหญ่ทำจากแผ่นโฟมชนิดโพลีสไตรีนที่ยืดออก หรือเรียกว่า "สไตโรโฟม" แผ่น

กันลม - ติดอยู่ด้านหน้าของหมวกกันน็อค สำหรับป้องกันแสง ฝุ่น ฝน แมลง ฯลฯ ที่จะเข้าตาในขณะขับขี่รถจักรยานยนต์ มีทั้งชนิดใส เพื่อใช้ในเวลากลางคืน และชนิดทึบเพื่อใช้ในเวลากลางวันที่มีแดดจัด สามารถถอดเปลี่ยนได้ 

เบาะหุ้มภายใน - ส่วนประกอบที่เพิ่มความอ่อนนุ่มขณะสวมใส่ สามารถถอดออกได้เพื่อทำความสะอาด 

สายรัดคาง - ทำหน้าที่รัดให้หมวกกันน็อคติดแนบกับศีรษะไม่หลุดง่าย แต่ต้องรัดให้ถูกวิธี หากรัดไว้หลวมๆ หรือไม่รัด หมวกอาจหลุดออกจากศีรษะโดยง่ายเป็นเหตุให้ศีรษะยังคงเสี่ยงที่จะได้รับอันตราย และบาดเจ็บเสมือนไม่ได้สวมหมวก 

ช่องระบายอากาศ - ทำหน้าที่ถ่ายเทความร้อนภายในหมวกให้ผู้สวมใส่รู้สึกสบายขณะที่สวมใส่ จะต้องมีขนาดไม่เกิน 1 เซ็นติเมตร และต้องออกแบบอยู่ในตำแหน่งที่ปลอดภัย



หมวกกันน็อคมีเวลาหมดอายุไขการใช้งาน โดยปกติแล้วจะมีอายุการใช้งานประมาณ 3 ปี เกินกว่านั้นควรหาซื้อใหม่จะดีกว่า เพราะหากเกิดอุบัติเหตุจะไม่คุ้ม หวังว่าทุกท่านคงจะขับขี่อย่างปลอดภัย ใช้ความเร็วตามที่กฏหมายกำหนด และใช้หมวกกันน็อคกันทุกคนนะครับ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก http://www.checkraka.com/knowledge/motorcycle-15-157/เรื่องควรรู้เกี่ยวกับหมวกกันน็อค-1607154/