4 ก.พ. 2557

ประเภทของสระว่ายน้ำในคอนโดและหมู่บ้านจัดสรร

บางโครงการคอนโดชูจุดเด่นของสระว่ายน้ำมาเป็นจุดขาย เช่น สระว่ายน้ำระบบเกลือ หรือสระว่ายน้ำระบบโอโซน ซึ่งผู้อ่านหลายท่านอาจมีข้อสงสัยว่า สระว่ายน้ำประเภทไหนมีคุณสมบัติอย่างไร บทความนี้ทาง Checkraka.com จะมาแนะนำให้ทราบเป็นข้อมูลเบื้องต้นกันครับ

เวลาเราเข้าชมโครงการบ้าน หรือคอนโดฯ เราอาจเคยได้ยินพนักงานขายโฆษณาว่า สระว่ายน้ำเขาเป็นระบบเกลือบ้าง (โครงการคอนโดใหม่ๆ ที่ใช้ก็เช่น The Niche Mono รัชวิภา หรือ The Tree Condo ประสานมิตร) ระบบโอโซนบ้าง (โครงการคอนโดใหม่ๆ ที่ใช้ก็เช่น โครงการ The Room ทั้งหมดของ L&H) หรือคลอรีนบ้าง (ซึ่งเป็นรูปแบบส่วนใหญ่ของคอนโดและบ้านจัดสรรในบ้านเรา) เรามาดูกันครับว่าแต่ละแบบแตกต่างกันอย่างไร

1. ระบบคลอรีน (Chlorine)

ระบบนี้ใช้คลอรีนเป็นตัวฆ่าเชื้อโรคในน้ำ เป็นระบบที่นิยมในคอนโดเมืองไทย เพราะราคาติดตั้งไม่แพง (แต่ค่าคำบำรุงรักษาจะสูงกว่าเมื่อเทียบกับระบบเกลือ) โดยคลอรีนอาจอยู่ในรูปของเหลว เม็ด ก้อน หรือแบบผงก็ได้ วิธีการใช้ก็เพียงใส่คลอรีนลงไปในน้ำ โดยจะมีประสิทธิภาพสูงสุดเมื่อน้ำในสระมีค่า pH (ค่าความเป็นกรด-ด่าง) อยู่ระหว่าง 7.2-7.8 ซึ่งถ้าหากน้ำในสระมีค่าความเป็นด่างมากก็ต้องเติมกรดลงไป ค่าความเป็นด่างจะเพิ่มขึ้นได้จากเหงื่อไคลของคนที่ลงไปว่ายน้ำโดยไม่ชำระร่างกายก่อน หรืออาจจะเกิดจากเศษใบไม้ใบหญ้าก็ได้ แต่ในทางตรงกันข้าม ถ้าน้ำในสระมีค่าความเป็นกรดสูงขึ้น ก็ต้องเติมสารที่เพิ่มความเป็นด่างเพื่อปรับค่า pH ดังนั้นจึงต้องมีการวัดค่า pH ของน้ำในสระทุกๆ วัน ข้อควรระวังสำหรับคนที่ว่ายน้ำสระแบบนี้คือ บางคนอาจมีการแพ้คลอรีนได้ เช่น เกิดอาการเส้นผมแห้งกรอบ ผิวแห้ง หรือตาแดง เพราะคลอรีนเป็นสารที่มีผลกระทบต่อความชุ่มชื้นของผิวหนัง ดังนั้น ควรใส่คลอรีนในตอนเย็น หรือหลังจากสระว่ายน้ำปิดให้บริการแล้ว (และเพื่อไม่ให้คลอรีนสลายเร็วเกินไปเมื่อโดนแดดหากใส่คลอรีนในตอนกลางวันด้วย)



2. ระบบน้ำเกลือ (Saltwater)

ระบบนี้ใช้เกลือธรรมชาติมาเป็นตัวฆ่าเชื้อโรค โดยการเติมเกลือเข้าไปในสระว่ายน้ำ (ซึ่งการเติมช่วงแรกๆ อาจถี่หน่อย แต่หลังจากนั้นจะลดลงเรื่อยๆ) และน้ำที่มีเกลือเหล่านี้จะมีการไหลเวียนผ่านกระบวนการทางไฟฟ้า (Electrolysis) ในเครื่องผลิตคลอรีนอัตโนมัติจากเกลือ (Salt Chlorinator) ทำให้สระว่ายน้ำประเภทนี้จะมีคลอรีนเป็นส่วนผสมอยู่ด้วยแบบอัตโนมัติเสมอในประมาณน้อย ความเค็มของน้ำในสระว่ายน้ำประเภทนี้จะเป็นเพียง 1 ใน 10 ของความเค็มในน้ำทะเลจริงเท่านั้น ระบบน้ำเกลือนี้เป็นระบบที่ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ และยังเพิ่มความชุ่มชื้นแก่ผิวหนังได้ดีอีกด้วย ระบบนี้ค่าใช้จ่ายติดตั้งตอนแรกจะค่อนข้างสูง แต่ค่าดูแลรักษาจะไม่ค่อยสูง (เมื่อเทียบกับระบบคลอรีน) ข้อควรระวังของระบบนี้คือ เกลือเป็นสารกัดกร่อน ดังนั้น เฟอร์นิเจอร์ หรืออุปกรณ์ที่ใช้รอบๆ สระว่ายน้ำ ควรเป็นสิ่งที่สามารถทนทาน หรือไม่มีปัญหากับการกัดกร่อนของเกลือ



3. ระบบโอโซน (Ozone)

ระบบนี้ใช้ก๊าซโอโซนซึ่งผลิตจากเครื่องอัดอากาศมาบำบัดน้ำในสระว่ายน้ำเพื่อฆ่าเชื้อโรค เป็นระบบที่ฆ่าเชื้อโรคได้เร็วกว่าคลอรีนหลายเท่าโดยไม่มีสารตกค้าง แต่จะมีประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อโรคประมาณ 3-6 ชั่วโมงเท่านั้น จนกว่าน้ำจะกลับมาผ่านระบบโอโซนอีกครั้ง การติดตั้งระบบโอโซนนี้จะมีค่าใช้จ่ายสูงที่สุดเมื่อเทียบกับระบบน้ำเกลือ และระบบคลอรีน เพราะมีประสิทธิภาพการฆ่าเชื้อโรคที่สูง เร็ว และไม่มีผลกระทบต่อผิวหนัง หรือร่างกาย ประเด็นที่ควรรู้ของระบบนี้คือ ขณะน้ำอยู่ในสระจะไม่มีการฆ่าเชื้อโรคจนกว่าน้ำจะกลับมาผ่านระบบโอโซนอีกครั้ง ดังนั้น ถ้าเกิดมีเชื้อโรค หรือสิ่งสกปรกเข้ามาในน้ำในระหว่างที่น้ำยังไม่ได้ผ่านการโอโซนเพื่อฆ่าเชื้อโรค ก็อาจทำให้เกิดการติดเชื้อ หรือสกปรกได้ ดังนั้น ถ้าอยากให้น้ำสะอาดสุดๆ อยู่ตลอดเวลา ควรใช้ระบบโอโซนควบคู่กับระบบอื่นด้วย เช่น ระบบคลอรีน หรือระบบน้ำเกลือ หวังว่าข้อมูลความรู้เหล่านี้จะเป็นประโยชน์สำหรับผู้อ่านไม่มากก็น้อยนะครับ สุดท้ายนี้ เราขอปิดท้ายกันเล่นๆ ด้วยภาพสระว่ายน้ำที่มีพื้นที่ใหญ่ที่สุดในโลกตอนนี้ (ตาม Guinness World Records 2012) คือ สระว่ายน้ำในรีสอร์ทชื่อ San Alfonso del Mar ในประเทศชิลี แล้วพบกันใหม่โอกาสหน้า สวัสดีครับ



28 ม.ค. 2557

เช็คราคา.คอม ขอแนะนำรถสำหรับครอบครัวในการท่องเที่ยวตรุษจีน



ใกล้เข้ามาแล้วกับวันตรุษจีน หรือวันปีใหม่ของชาวไทยเชื้อสายจีน ซึ่งในปีนี้จะตรงกับวันที่ 31 มกราคม 2557 ซึ่งจะเป็นวันเที่ยวนั้น ส่วนมากมักจะพาไปกันทั้งครอบครัว เพราะเปรียบเสมือนการได้อยู่ร่วมกันในช่วงขึ้นปีใหม่ เราลองมาดูกันครับว่ารถยนต์แบบไหน หรือรุ่นใดที่สามารถพากลุ่มครอบครัวไปเที่ยวพร้อมความสะดวกสบายด้วยรถเพียงคันเดียวบ้าง มาเริ่มกันที่ฟากยุโรปกันก่อนครับ

Volkswagen Multivan 2.0 BiTDi รถตู้สุดหรู และมีพื้นที่ใช้สอยที่สะดวกสบายมากที่สุดหนึ่งรุ่น ที่เป็นรถตู้ยอดฮิตประจำครอบครัวใหญ่หรือแม้กระทั่งนักการเมือง พร้อมภายในที่ตกแต่งระดับ VIP และความปลอดภัยเต็มคัน ชมวิวได้ด้วยหลังคา Sunroof และสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย เช่น ประตูไฟฟ้าด้านข้าง ระบบจอ TV ด้านหลัง Monitor สำหรับดูเส้นทาง GPS พร้อมรีโมทควบคุม โต๊ะวางของ และปรับรูปแบบเบาะนั่งได้หลากหลาย ด้วยราคา 3,980,000 บาท



Peugeot Expert HDi 2.0L Plus รถตู้อเนกประสงค์จากฝรั่งเศส รูปทรงโฉบเฉี่ยวสวยหรูหรา คล่องตัว แต่ภายในยังคงความกว้างขวางสะดวกสบาย และอุปกรณ์ครบครัน เช่น ประตูเลื่อนข้างไฟฟ้า ระบบควบคุมระยะการจอด (หน้า-หลัง) ระบบกันสะเทือนแบบถุงลม ระบบควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ (ESP) ฯลฯ มาพร้อมเครื่องยนต์ ดีเซล เทอร์โบ คอมมอนเรลไดเร็กอินเจคชั่น (HDi) ขนาด 2.0 ลิตร 163 แรงม้า เกียร์อัตโนมัติ 6AT (Tiptronic) ราคา 1,920,000 บาท



ดูรถจากทางฝั่งยุโรปกันไปแล้ว มาต่อกันที่ฝั่งเอเชียกันบ้างนะครับ

Toyota Commuter 3.0 A/T รถตู้ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในประเทศไทย ด้วยราคา ความคุ้มค่าสำหรับรุ่นปรับปรุงใหม่ คอมมิวเตอร์ปี 2014 นี้ก็เพิ่มความสบายในการขับขี่ด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะ ระบบช่วงล่างรองรับการใช้งานหนักบนทุกสภาพถนนของเมืองไทย และมีค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาต่ำ ภายในสามารถนั่งได้ 11 คน สำหรับรุ่นมาตรฐานโรงงาน และบางคนนำไปตกแต่งเพิ่มความหรูหราสะดวกสบายยิ่งขึ้น ด้วยเบาะหนัง ระบบเครื่องเสียง ฯลฯ ราคา 1,244,000 บาท



Hyundai H1 Deluxe รุ่นท็อปสุดที่มาพร้อมการตกแต่งจากโรงงานฮุนได ด้วยรูปทรงรถที่ดูกึ่งแวนกึ่งสปอร์ตหรือสามารถตกแต่งสไตล์ VIP กลายเป็นรถตู้ระดับ First class เป็นรถตู้รุ่นแรกๆ ที่เบาะตอนหลังแบบ VIP ที่นั่งได้ 9 คนแบบไม่อึดอัด ภายในกว้างไม่แพ้รถยุโรป เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบคอมมอนเรล 2.5 ลิตร 175 แรงม้า เกียร์ออโต้ 5AT (H-MATIC) ราคา 1,599,000 บาท




สำหรับตรุษจีนนี้ ท่านที่ต้องการรถตู้สักคันไว้เดินทางไกลในช่วงปีใหม่จีน หรือไทย หรือแม้แต่ช่วงสงกรานต์ อาจดูรุ่นรถต่างๆ ในบทความนี้ไว้เป็นข้อมูล ประกอบการตัดสินใจเพื่อให้ได้รถที่คุ้มค่าต่อการใช้งาน และเหมาะสมกับทุกคนในครอบครัว และที่สำคัญอย่าลืม ตรวจเช็ครถก่อนออกเดินทางไกล เพื่อความปลอดภัยนะครับ





27 ม.ค. 2557

รีวิว-เยี่ยมชม กัสโต้ พหลโยธิน 48 (Gusto Phaholyothin 48)



วันนี้ทีมงาน CheckRaKa.com ขอพาไปเยี่ยมชมทาวน์โฮมทำเลดีกับโครงการทาวน์โฮม "กัสโต้ พหลโยธิน 48" (หรือกัสโต้พหลโยธิน-รามอินทรา) ซึ่งทางโครงการเปิดให้จองบ้านในเฟสแรกกันไปแล้วตั้งแต่ช่วงเดือน ก.ค. ที่ผ่านมา

ทำเลที่ตั้ง
ทาวน์โฮม "กัสโต้ พหลโยธิน 48"" (พหลโยธิน-รามอินทรา) ตั้งอยู่ภายในซอยย่อยแยกที่ 26 ของซอยหลักอย่างพหลโยธิน 48 ซึ่งเป็นซอยที่สามารถเชื่อมต่อทะลุไปตามซอยใกล้เคียงได้เช่น (ซอยพหลโยธิน 50 ที่กำลังตัดถนนใหม่เพื่อมุ่งตรงไปออกยังถนนวัชรพลและรามอินทรา)


การเดินทาง
การเดินทางเข้าออกโครงการถือว่าสะดวก สามารถเข้าออกโครงการจากถนนหลายเส้น เช่น ถนนพหลโยธิน, ถนนรามอินทรา, ถนนสุขาภิบาล5 และถนนวัชรพล


สภาพแวดล้อมใกล้เคียง
บรรยากาศรอบๆ โครงการนั้นมีลักษณะเป็นชุมชนที่อยู่อาศัยตลอดทั้งซอย โดยถนนในซอยเป็นถนน 2 เลนไม่กว้างมากนัก และมีอาคารพาณิชย์อยู่ตลอดสองข้างทาง มีร้านทำผม, บริการไปรษณีย์, ร้านอินเตอร์เน็ต และร้านอาบน้ำตัดขนสุนัข (ดูตามรูปข้างล่าง) ส่วนบริเวณตรงข้ามกับซอยทางเข้าโครงการมีตลาดนัด J.Park หากออกจากซอยไปทางซ้ายมือประมาณ 350 ม. ก็มีร้านสะดวกซื้ออย่าง Lotus Express หรือหากออกจากซอยไปทางขวามือประมาณ 300 ม. ก็จะเจอกับปั๊ม Petronas, 7-Eleven และวินมอเตอร์ไซค์